วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

ตะพาบ เรื่องเล่า : บันทึกกฎแห่งกรรม

ลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้าคนหนึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลของรัฐบาล (ในต่างจังหวัด) เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งมีโอกาส ไปเยี่ยมเยียน หมอ น้องชาย เล่าเรื่องแปลก ๆ ของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง จึงขอเล่าสู่กันฟังต่อ... โรงพยาบาลแห่งนั้น เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางประจำอำเภอ ซึ่งมีคนไข้ไม่มาก เพราะถ้าเป็นคนที่พอมีฐานะ สักหน่อย หากมีอาการน่าเป็นห่วง ก็มักจะส่งตรงไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือโรงพยาลบาลใหญ่ ๆ ในกรุงเทพ ฯ ฉะนั้น หมอน้องชาย จึงต้องรับหน้าที่เป็นทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นแพทย์เฉพาะทาง (ทุกโรค) เป็นศัลยแพทย์ผ่าตัด และ แม้กระทั่งเป็นแพทย์เวร จากการสนทนาตอนหนึ่ง หมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เป็นหมอมา ไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใด ต้องผ่าตัดทุลักทุเล ซ้ำซาก อย่างนี้เลย สามปีต้องตัดห้าครั้ง และทนหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง ผู้ป่วยรายนี้ชื่อ "บุญมา" ครั้งแรกเข้าโรงพยาบาล ก็เพื่อมาทำแผลนิ้วก้อย (นิ้วเท้า) ที่ถูกตะพาบน้ำกัด หมอให้ทายา กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ แล้วให้กลับบ้านได้ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ครึ่งเดือนต่อมา บุญมากลับมาใหม่ แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่ หมอตรวจพบว่า เชื้อโรคกินเข้ากระดูก ถึงขั้น จะต้องตัดนิ้วเท้า เพื่อไม่ให้เน่าลุกลาม จนอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ หลังจากนั้นครึ่งปี บุญมาไปเที่ยวทะเล เขาถูกตะพาบกัดที่นิ้วเท้าอีก อะไรจะบังเอิญได้ถึงขนาดนั้น นิ้วเท้าของ บุญมา ซึ่งถูกตะพาบน้ำกัดครั้งที่สอง อักเสบบวมภายในเวลาไม่ถึงสองวัน เมื่อฉายเอ็กซเรย์ก็พบว่า เชื้อโรคกิน เข้าไป ถึงกระดูก จึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี นายบุญมากลับมาที่โรงพยาบาล ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นมาพร้อม ๆ กัน พอเอ็กซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว ! เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินกระดูกอย่างรุนแรง ลึกมาก เชื้อโรคนั้นกำลังก่อตัว คล้ายมะเร็ง จะต้องตัดฝ่าเท้าออกให้หมด ก่อนที่จะลุกลามไปกันใหญ่ บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงยี่สิบกว่าวัน ด้วยสภาพของ ผู้ป่วยอวัยวะด้วน วันหนึ่งลูกชายของญาตินายบุญมาอุปสมบท เขาจึงไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวชนอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน เคราะห์ หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้น หนูตัวหนึ่งเจาะจงมากัดตรงขาด้วน ๆ ของเขาคนเดียว คนอื่น ๆ ตั้งมากมาย ก็ไม่เห็นโดนอะไร หนูกัดแล้วก็หนีไป บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวด คนที่นอนอยู่ด้วย กันตกใจ กับเสียงร้อง พากันตื่นหมด แผลที่หนูกัดไม่กว้าง ไม่ลึกนัก มีเลือดซึมออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนก็พา กันตกใจที่อยู่ดี ๆ ทำไม จึงมีหนูมากัดคนนอนหลับ เห็นแต่หนูมักจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น หนูไม่นิยมกัดกิน คนเป็น ๆ บุญมาขวัญเสียเป็น อันมาก เขาถูกเคราะหฺ์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้านี้ มันทารุณ จิตใจตลอดเวลา ไม่นานต่อมา ก็เกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่เท้าอีก บุญมาจึงรีบไปหาหมอโดยเร็ว ผลการฉายเอ็กซเรย์ครั้งนี้ ปรากฎว่า เชื้อมะเร็งลามลึกเข้าไปอย่างมาก จำเป็นต้องจัดการตัดขาทั้งท่อนทิ้งไป หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของไข้ แปลกใจ ในชะตากรรมของบุญมายิ่งนัก จึงพูดคุยซักถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ได้ความว่า บุญมาชายอายุสี่สิบสามปี อาชีพเกษตรกรรม และรับจ้างก่อสร้าง ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ ชอบแกล้มเหล้า ด้วย ปลาน้ำจึด โดยเฉพาะชอบกินเต่า กินตะพาบ บุญมาเคยได้ยินมาและเป็นความเชื่อฝังใจว่า ใครกินตะพาบน้ำ ได้ถึง ยี่สิบตัวแล้ว ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบเลย อีกทั้งยังช่วยบำรุงไต บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำ มาผัดเผ็ด แกล้มเหล้าขาวกิน บุญมากินตะพาบน้ำมาแล้วไม่ใช่แค่ยี่สิบตัว แต่กินมาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ซึ่งนับไม่ถ้วนว่าที่ผ่านมา กินเข้าไปได้ กี่ตัวกันแน่ บุญมาเล่าว่าวันหนึ่ง เขาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่มาจากตลาด ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกว่ากิโลกรัม เขาดีใจมาก ตัวใหญ่ขนาดนี้ ฆ่ากินทีเดียวไม่หมด จะต้องค่อย ๆ กิน ที่บ้านไม่มีตู้เย็นให้แช่เก็บได้ จึงต้องกินผ่อน ทีละน้อย ตะพาบเป็นสัตว์อายุยืน อดทนมาก ไม่ตายง่าย ๆ ไม่ว่าจะถูกกักขังอยู่ในสภาพใด ก็อดทนสามารถรักษา ชีวิต อยู่ได้เป็นปี บุญมาแค่เห็นแก่กิน ไม่นึกถึงว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมาน ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างไร ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบตามส่วนต่าง ๆ ทีละชิ้น ๆ อย่างบรรจงมา ปรุงอาหารตามความพอใจ บาดแผล รอบตัวตะพาบ เขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อที่ตัวตะพาบเน่า ตะพาบตัวนั้นต้องทน ทุกข์ทรมานอยู่นาน กว่าครึ่งเดือน จากนั้นบุญมาจึงประหารตะพาบเอามากินเป็นมื้อสุดท้าย บุญมาพอใจ กับวิธี ที่ได้กินเนื้อตะพาบแบบสด ๆ ทุกวัน ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบันทึกไว้ในตอนท้าย มีอยู่ประโยคหนึ่งว่า... เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นเหมือนกรรมตามทันอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจนในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปัจจุบัน ซึ่งอยากจะเล่าเอาไว้ตรงนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดี... กรรมมีอยู่ กมฺมํ เหตุแห่งกรรมมีอยู่ กมฺมสมุทฺโย การดับกรรมมีอยู่ กมฺมนิโรโธ หนทางดับกรรมก็มีอยู่ กมฺมมคฺโค พุทธวจนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น